ดูบทความพ่อผู้ให้โอกาส — จากเด็กยากจนสู่วันที่มีชีวิตใหม่

พ่อผู้ให้โอกาส — จากเด็กยากจนสู่วันที่มีชีวิตใหม่

     
   
     
 

จำได้ตั้งแต่เด็ก "ฝรั่งคนแรก" ที่เจอคือที่บ้านเรา บ้านผาแตก — ฝรั่งที่พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด แต่เราฟังรู้เรื่องและเข้าใจ
จำได้ว่ามากันหลายคน เพื่อมาหา เด็กด้อยโอกาส ให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ และหนึ่งในนั้นคือ พี่สาว

ด้วยความที่เราอายุไล่เลี่ยกับพี่สาวและสนิทกันมาก เมื่อพี่สาวได้ไปเรียนหนังสือในเมือง เราก็อยากจะไปด้วย ร้องไห้งอแง จนในที่สุดแม่ก็ต้องมาฝากไว้ที่ มูลนิธิคามิลเลี่ยน
ตอนนั้นที่มาอยู่ อายุแค่ 5 ขวบ ด้วยความที่บ้านฐานะยากจน แม่มีลูกหลายคน ได้ทานข้าวเต็มอิ่มบ้างบางมื้อ

จนได้มาอยู่มูลนิธิ มีข้าวให้ทาน 3 มื้อ มีพี่เลี้ยงดูแล และที่สำคัญ ได้เห็นถึง ความใส่ใจของคุณพ่อ ที่มีต่อทุกคน
เด็กคนไหนมีแผลตรงไหน พ่อจะรู้หมด ในสายตาตอนเด็กเรารู้สึกว่า พ่อเก่งทุกอย่าง ไม่ว่าเด็กคนไหนจะเป็นฝี พ่อก็จะเป็นคนทำแผลให้เช้าเย็น
เด็กคนไหนมีแผลที่มือก็ใช้น้ำฆ่าเชื้อและทายาให้

 
     
        
     
 

ปัญหาหลัก ที่พบได้ในเด็กผู้หญิงแทบจะทุกคนคือ เหา
พ่อก็ซื้อยามาให้พี่เลี้ยงหมักผมให้เด็กๆ
เด็กคนไหนไม่สบาย พ่อก็เป็นคนเอายาให้

ถึงแม้เราจะเจอพ่อในรอบ 1 เดือน ที่น้อยมาก แต่เด็กๆ ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่พ่อจะขึ้นมาหา
ยิ่งช่วง เทศกาลคริสต์มาส พ่อจะมีของขวัญให้เด็กทุกคน เอากลับบ้านไปแบ่งให้ครอบครัวด้วย
ในนั้นจะประกอบไปด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง มาม่า ปลากระป๋อง รวมถึงผ้าห่ม

แต่ในวัยเด็ก สิ่งที่รอคอยที่สุดของคืนคริสต์มาสคือ การละเล่นของเล่น เช่น บิงโก พ่อจะชอบให้เด็กๆ นั่งเล่นบิงโกด้วยกัน

ถึงแม้อายุน้อยที่สุดที่มาอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ถึง ความรัก ความอบอุ่น และการดูแลอย่างดี ที่พ่อมีให้
จนโตขึ้น ณ ปัจจุบัน เรามีครอบครัวแล้ว มีธุรกิจส่วนตัว ถึงแม้เป็นร้านซ่อมรถเล็กๆ ในหมู่บ้าน
แต่เมื่อมีโอกาส เราก็ยังนำรายได้ส่วนหนึ่งของเราและของเพื่อนๆ ไปเลี้ยงอาหารเด็กๆ เลี้ยงขนมน้องๆ ที่ยังอยู่หอ
รู้สึกภูมิใจ และรู้สึกขอบคุณ ที่คุณพ่อให้โอกาส ให้เราได้เรียนหนังสือ

 
     
       
     
 

ครั้งล่าสุดที่ไปหาพ่อ พ่อยังเล่าถึงความหลังตอนเด็กๆ ว่าเราเป็นเด็กตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม
และมีครั้งหนึ่งที่มือเราเป็นตุ่มและเราไม่สบาย แต่พ่อจำเป็นต้องลงไปกรุงเทพฯ
พ่อบอกว่า เป็นห่วง และต้องโทรมาถามตลอดเวลาว่าเราอาการเป็นยังไงบ้าง

วินาทีแรกที่ได้ฟังที่พ่อเล่า เรานั่งน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รับรู้ได้ถึง ความรักที่พ่อมีต่อลูกคนนี้
เพราะณ ตอนนี้พ่อก็ยังเป็นห่วง และยังส่งข้อความมาถามความเป็นอยู่ของเราตลอด
พ่อผู้มีความจำดี ถึงแม้จะมีเด็กเยอะมากเป็นพัน ก็ยังจำได้ว่าปี พ.ศ. ที่เรามาอยู่ในหอคือเมื่อไหร่
คนนี้มาอยู่ ค.ศ. อะไร และจำได้ว่าคนนี้ชื่ออะไร

ท้ายที่สุด ถ้าไม่มี พ่อคนนี้ เราที่บ้านฐานะยากจน อาจไม่ได้เรียนหนังสือ และอาจไม่มีโอกาสเช่นทุกวันนี้

สมพร เชอก๋อง

 
     

12 สิงหาคม 2568

ผู้ชม 32 ครั้ง

Engine by shopup.com